การใช้สื่อในเด็ก

รูปแบบการใช้สื่อเพื่อสร้างประโยชน์แก่เด็ก

เนื้อหาของสื่อมีหลายรูปแบบ

1. เนื้อหาที่มีประโยชน์ทั้งในแง่การศึกษา จริยธรรม มารยาททางสังคม ให้เหมาะสมกับวัยของผู้ชม ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กในเรื่องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
2. เนื้อหาของรายการหรือเกมที่สร้างความสนุกสนาน ทำให้ผู้ชมหรือผู้เล่นเกิดความเพลิดเพลินผ่อนคลาย
3. เนื้อหาที่เน้นความก้าวร้าว รุนแรง อนาจารทางเพศ หรือน่ากลัวขยะแขยง
4. เนื้อหาที่เน้นการโฆษณา เน้นบทบาทในการเป็นผู้บริโภคมากขึ้นกว่าในอดีต เด็กส่วนใหญ่ใช้เวลาในการดูโทรทัศน์หรือโทรศัพท์มากกว่าเปิดรับสื่ออื่น ซึ่งเด็กหลายคนวิ่งเข้าใส่ชั้นขายขนม มากกว่าจะวิ่งไปที่ชั้นขายหนังสือ เพียงเพราะเคยเห็นโฆษณาขนมแบบนั้นในโทรทัศน์และในโทรศัพท์ จึงเห็นได้ว่าเด็กจึงเป็นผู้ได้รับอิทธิพลจากการโฆษณาได้ง่ายที่สุด

กิจกรรม

อิทธิพลของสื่อ

สื่อมีอิทธิพลส่งผลต่อพฤติกรรมแค่ในระยะสั้นหรือส่งผลต่อพัฒนาการทางบุคลิกภาพเมื่อโตขึ้นในระยะยาวยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่อาจส่งผลต่อพฤติกรรม อารมณ์ และความคิดของเด็กในวัยที่กำลังเติบโต

  • ด้านพฤติกรรม ในเด็กที่มีแนวโน้มหรือนิสัยค่อนข้างก้าวร้าวหรือควบคุมตนเองได้ไม่ดีอยู่แล้ว ก็จะเลียนแบบความก้าวร้าวในโทรทัศน์ได้ง่ายกว่า เมื่อเคยชินกับพฤติกรรมก้าวร้าว ก็จะนำความก้าวร้าวเข้ามาเป็นวิธีที่จะใช้แก้ปัญหาในชีวิต ถึงแม้ว่าพฤติกรรมจะไม่ก้าวร้าวเพิ่มขึ้นแต่เด็กก็อาจเกิดเจตคติในแง่ลบกับสังคมได้ การชมภาพหรือเล่มเกมที่รุนแรงยังไปลดอารมณ์ในด้านดี เช่น ความสงสาร ความอ่อนโยนในตัวเด็ก ชินชาและขาดความสนใจที่จะไปช่วยเหลือผู้ที่ลำบากกว่า ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นคนที่อันตรายต่อตนเอง คนรอบข้าง และสังคมได้
  • ด้านอารมณ์ ในเด็กที่ขี้กลัวก็อาจคิดว่าตนเองจะเป็นเหมือนเหยื่อที่ถูกทำร้ายในโทรทัศน์ หรืออาจไปเร้าความรู้สึกกลัวที่มีอยู่ให้เพิ่มขึ้น
  • ด้านความคิด รายการที่แสดงรายละเอียดภาพการตายของคน ในเด็กเล็กที่ยังไม่เข้าใจความหมายของความตายดีพอ จะเข้าใจความหมายของความตายอย่างคลาดเคลื่อน ซึ่งอาจคิดว่าตายแล้วสามารถกลับมาฟื้นใหม่ได้ หรือการเล่นซ้ำ ๆ เกี่ยวกับเรื่องความตาย ในเด็กที่ยังแยกความเป็นจริงออกจากจินตนาการได้ไม่ดีนักอาจเลียนแบบซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้

ข้อแนะนำในการใช้สื่อ

1. การจัดสภาพแวดล้อม

  •  ควรจัดวางตำแหน่งโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นเกมหรือการดูโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่น หรือห้องรวมที่ทุกคนสามารถเข้าไปหาความเพลิดเพลินร่วมกันได้ ไม่ควรตั้งไว้ในห้องนอนหรือห้องที่ปิดมิดชิด เพื่อพ่อแม่สามารถติดตามได้ และเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กเก็บตัว แอบเล่นหรือแอบดูคนเดียวในห้องหรือทั้งคืนโดยไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
  • วางนาฬิกาขนาดใหญ่ไว้ในตำแหน่งที่เด็กเห็นได้ชัดเจน เพื่อความสะดวกในการควบคุมเวลาในการ ปิด-เปิด สื่อ
  • จัดหามุมสำหรับอ่านหนังสือ หรือทำการบ้านเป็นสัดส่วนโดยเฉพาะ แยกจากมุมดูโทรทัศน์ โทรศัพท์ เล่นคอมพิวเตอร์หรือเกม

2.บทบาทของพ่อแม่ในการใช้สื่อ

  •  ทำความเข้าใจลักษณะของลูก ถ้ามีแนวโน้มก้าวร้าวอยู่เดิม ควรตั้งค่ารายการหรือเกมที่จะเสริมความก้าวร้าวรุนแรงออกไป
  •  กำหนดเวลาดูโทรทัศน์ ดูโทรศัพท์หรือเล่นเกมเป็นเวลาของ ครอบครัว เพื่อจะได้พูดคุยถึงสิ่งที่ดูหรือเล่นพร้อมชี้แนะแก้ไขการรับรู้ของเด็กต่อรายการหรือเกมเหล่านั้นให้ถูกต้อง สอนผ่านการแสดงออกของตัวละคร พฤติกรรม อารมณ์ การใช้คำพูด ค่านิยมของสังคมที่ปรากฏในรายการหรือเกมว่าเหมาะสมหรือไม่ ให้เด็กได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ใหญ่ ในเรื่องที่เขาดูหรือเล่น ฝึกสมองให้คิดไตร่ตรองความเหมาะสม อะไรที่ ควรนำมาใช้เป็นแบบอย่างในชีวิตจริงหรือควรประยุกต์มาใช้อย่างไร ช่วยให้เด็กวิเคราะห์แยกแยะ เปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์หรือในเกมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงว่าแตกต่างกันอย่างไร ช่วยให้เด็กคิดถึงวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในรายการหรือเกมโดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง โดยเน้นว่าความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาที่สังคมยอมรับ
  •  กำหนดเวลาในการเล่นเกมเล่นโทรศัพท์หรือการดูโทรทัศน์ให้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ต้องเตือนบ่อย แต่คงกติกาให้แน่นอน ชัดเจน เช่น วันละ 1 ชั่วโมง เวลา 19.00 ถึง 20.00 น. หลังทำการบ้านเสร็จ รวมทั้งกำหนดข้อตกลงด้วยว่า หากไม่ทำตามกฎที่กำหนดไว้ จะมีมาตรการอย่างไร เช่น หักเวลาในวันถัดไป เป็นต้น
  • พ่อแม่ต้องยึดข้อตกลงอย่างหนักแน่นและฝึกสม่ำเสมอ กฎดังกล่าวใช้กับทุกคนในบ้านเพื่อให้เด็กไม่เกิดการสับสนหรือคิดว่าผู้ใหญ่ไม่ยุติธรรม ถ้าการเริ่มกำหนดกฎระเบียบหรือจะมาฝึกวินัย เมื่อเด็กติดทีวี โทรศัพท์หรือเกม ไปแล้วนั้นจะทำได้ยาก
  • อย่าให้ดูรายการหรือเล่นเกมที่มีความรุนแรงก้าวร้าว มีเรื่องเพศ หรือมีเนื้อหาที่ตึงเครียดมากเกินไป โดยบอกอย่างหนักแน่นว่าคุณไม่ต้องการให้ดูหรือเล่น ถ้าเด็กไม่เชื่อฟัง ก็ควรจะปิดหรือเปลี่ยนช่องเอง หรือริบแผ่นเกมที่ไม่เหมาะสมไว้ ขณะเดียวกันควรชี้แนะถึงสิ่งที่เด็กควรดูรายการอะไรหรือเล่นเกมใดได้บ้าง
  • เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็ก โดยไม่นั่งดูโทรทัศน์ โทรศัพท์หรือเล่นเกมเสียเองตลอดเวลา หรือออกกฎให้ลูกเลิกชมหรือเลิกเล่น แล้วตนเองมาเล่นต่อเสียเองก็อาจทำให้เด็กสงสัยหรือต่อต้านในการฝึกวินัยดังกล่าวได้
  • จัดหากิจกรรมอื่นที่น่าสนใจสำหรับทั้งครอบครัว ทำเป็นประจำ สม่ำเสมอ ช่วยลดพฤติกรรมติดสื่อ และเพิ่มความสนิทสนมภายในครอบครัว เช่น เล่นกีฬา ทำขนม ทำอาหาร ประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ ซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชำรุดในบ้าน ไปทัศนศึกษา ไปค่าย เป็นต้น
  • งดดูโทรทัศน์หรือโทรศัพท์เป็นครั้งคราว โดยตั้งเป็น “คืนปลอดสื่อ” โดยจัดให้มีกิจกรรมอื่น สนุก ที่ทุกคนได้ร่วมสนุกด้วยกันโดยไม่เกี่ยวข้องกับโทรทัศน์ โทรศัพท์หรือเกม
  • ส่งเสริมความรับผิดชอบของเด็ก โดยจัดกระบวนการทำงาน เช่น วางแผนทำงานในความรับผิดชอบ ได้แก่ ทำการบ้าน ทบทวนบทเรียนก่อนการดูโทรทัศน์ โทรศัพท์หรือเล่นเกม ส่งเสริมให้ทำงานทีละอย่าง เพื่อจะได้มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำเพื่อให้งานมีคุณภาพ ไม่ควรอนุญาตให้ทำการบ้านไปดูโทรทัศน์ไปพร้อมกัน                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                      ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ silverpools.net

Releated